ปังตั้งแต่ต้นปี! คุณหมอเมฆ Doctor Mek Clinic คว้ารางวัลอันดับ 1 ยอดใช้ฟิลเลอร์สูงที่สุดในประเทศไทย
ปีนี้ถือเป็นปีกระต่ายทองของ ด็อกเตอร์เมฆคลินิก (Doctor Mek Clinic) สมกับที่เป็นคลินิกความงามแถวหน้าของประเทศไทย เพราะเพียงแค่ต้นปี อาจารย์หมอเมฆ – นายแพทย์วัชพล ธนมิตรามณี ก็คว้ารางวัลเกียรติยศระดับประเทศไปได้ถึง 2 รางวัล นำทัพทีมแพทย์มากฝีมือจากด็อกเตอร์เมฆคลินิก (Doctor Mek Clinic) แพทย์หญิงพิชญานิน สื่อมโนธรรม และทีมแพทย์มากประสบการณ์ เข้าร่วมงานในครั้งนี้ เพื่อรับรางวัลเกียรติคุณอาจารย์แพทย์ด้านการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ YVOIRE (KOL Recognition) และ รางวัลคลินิกอันดับ 1 ยอดใช้ฟิลเลอร์ YVIORE สูงที่สุดในประเทศไทย (The Number One of Highest Spending Clinic) ซึ่งเป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในงานนี้ จาก LG Aesthetics Thailand ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย YVOIRE ฟิลเลอร์เกรดพรีเมี่ยมจากประเทศเกาหลี ตอกย้ำฝีมือและผลงานที่มีคุณภาพของอาจารย์หมอเมฆและทีมแพทย์มากประสบการณ์ที่มีมาตลอด ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจจากเหล่าดาราชั้นนำและผู้ที่เข้ามาใช้บริการจนทำให้คว้ารางวัลสุดยิ่งใหญ่นี้มาได้ โดยงานนี้จัดขึ้นที่โรงแรม คาเพลลา แบงค็อก เมื่อเร็วๆ นี้ และในปีนี้ อาจารย์หมอเมฆ – นายแพทย์วัชพล ธนมิตรามณี ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพและยกระดับมาตรฐานคลินิกให้เหนือขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการรวบรวมผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมด้านความงาม และเครื่องเลเซอร์คุณภาพมาตรฐานระดับสากลที่ครบครันมากที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการดูแลตัวเองของคนในยุคปัจจุบันที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทุกหัตถการดูแลอย่างใกล้ชิด โดย อาจารย์หมอเมฆและทีมแพทย์มากประสบการณ์ พร้อมทั้งบุคคลากรมืออาชีพ จึงทำให้ทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการที่ Doctor Mek Clinic มั่นใจได้ว่าจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดกลับไปเสมอ …
GET CRAFT! FEASTIVAL Rooftop จัดขึ้นแบบพิเศษที่พลาดไม่ได้!!
ต้อนรับการกลับมาของสายปาร์ตี้ หลังจากที่ห่างหายไปนาน HOBS Thailand ธุรกิจในเครือของ จี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ CEO ผู้คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจอันดับต้นๆ ของไทยทั้งด้าน Food & Beverage, Restaurant, Entertainment, Community Mall ผู้สร้างวัฒนธรรมการดื่มภายใต้คอนเซ็ปต์ Taste in everyday lives ในประเทศไทย สำหรับ HOBS นั้น Register ในประเทศไทยมาแล้วกว่า 15 ปี โดย HOBS Thailand เปิดสาขาแรกที่ถนนทองหล่อ กรุงเทพมหานคร ซึ่งถือว่าเป็นย่านหลักสำคัญของการนัดหมายเพื่อสังสรรค์ของคนกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันมีด้วยกัน 6 สาขา ได้แก่ HOBS Original at Thonglor, HOBS Live @CTW, HOBS Aree Samosorn, HOBS วิลล่า อารีย์, HOBS พระราม 3 และอีกหนึ่งสาขานั่นก็คือ HOBS ICONSIAM เป็นสาขาที่วิวดี สุดเอ็กซ์คลูซีฟด้วยท็อปวิวโค้งน้ำเจ้าพระยาแบบ 180 องศา ล่าสุดเปิดพื้นที่ชั้น 7 ของ ICONSIAM จัดความพิเศษเชื่อมโลกของคราฟต์เลิฟเวอร์ นำเสนอ GET CRAFT! FEASTIVAL เปิดพื้นที่ Outdoor ของ ICONSIAM ที่ชั้น 7 ให้กับคนที่กำลังมองหาสถานที่นั่งชิลล์ Hangout เพื่อเพลิดเพลินไปกับอาหารที่เสิร์ฟจากร้าน HOBS ที่ขึ้นชื่อในเรื่อง Taste of Foods ที่เข้ากันได้ดีกับเครื่องดื่มคราฟต์ ซึ่งมีมาให้เลือกอย่างหลากหลายทั้งคราฟต์ไทยและคราฟต์นอก ทั้งแบบ “Draught” และ “Can” นอกจากนั้นที่ GET CRAFT! FEASTIVAL ยังนำเสนอ Live Band สลับกับ DJ เพื่อเสริมอรรถรสให้ได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่ดีที่สุด ร่วมสัมผัสประสบการณ์ความคราฟต์ได้แล้ววันนี้ที่ GET CRAFT! FEASTIVAL ที่ ICONSIAM ชั้น 7 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 มีนาคม 2566 สอบถามเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ LINE HOBS Presents GET CRAFT FEASTIVAL ชั้น 7: https://lin.ee/0UtD2BV …
หมอเมฆ หมอคนดังของดารา เปิดเทรนด์ความงามพุ่งแรงปี 2023 “Skin Texture Quality”
ในทุก ๆ ปีจะมีเทรนด์ความงามใหม่เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการของการกลุ่มคนที่หันมาใส่ดูแลสุขภาพและความงามมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นยุค Aging ที่ทุกคนโฟกัสในการดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้น ทั้งสุขภาพภายในและภาพลักษณ์ภายนอก และแน่นอนปี 2023 ต้นปีคงหนีไม่พ้นการพูดถึงเทรนด์ความงามที่จะมาแรง มาพุ่งมาก ๆ ประจำปีเพื่อให้เตรียมความพร้อมไม่ตกทุกเทรนด์แห่งปี โอกาสนี้จึงขอเปิดบทสัมภาษณ์หมอคนดังของยุค เจ้าของฉายา #หมอของดารา อาจารย์หมอเมฆ – นายแพทย์วัชพล ธนมิตรามณี และ คุณหมอแอร์ – แพทย์หญิงพิชญานิน สื่อมโนธรรม เจ้าของ Doctor Mek Clinic (ด็อกเตอร์เมฆคลินิก) ซึ่งอาจารย์หมอเมฆเป็นแพทย์ผิวหนังเวชศาสตร์ชะลอวัย และฟื้นฟูสุขภาพ (Dermatologist) ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อย่างสูงใน ‘การวิเคราะห์ ประเมิน ออกแบบ และปรับเปลี่ยนโครงสร้างใบหน้า’ อาจารย์หมอเมฆ หรือ นายแพทย์วัชพล ธนมิตรามณี เจ้าของ Doctor Mek Clinic (ด็อกเตอร์เมฆคลินิก) เปิดเผยว่า ‘สำหรับปี 2023 แน่นอนว่าเทรนด์ของ Skin จะมาแรงมาก! มาแรงแบบเป็นที่นิยมของคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งเทรนด์ Skin Texture Quality นี้เป็นเทรนด์ที่เป็นกระแสอย่างมากทั้งในแถบประเทศเอเชียและแถบประเทศยุโรป เรียกได้ว่าทั่วโลกเลยก็ว่าได้ และจะสังเกตเห็นว่า การเผยผิวที่มีสุขภาพที่ดี มี Texture ที่ Smooth จะทำให้มั่นใจที่จะเผยผิวมากขึ้น และส่งต่อไปยังการแต่งหน้าที่เน้นโชว์ผิวสุขภาพดีครับ’ ‘ซึ่งเดิมทีเรื่องงานผิว เป็นเรื่องพื้นฐานที่คนไข้ทุกคน เมื่อเข้ามาที่คลินิกต่างต้องการอยู่แล้วครับ แต่เมื่อก่อนจะเป็นความต้องการที่ 2 รองลงมาจากความต้องการหลักที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวที่มีอยู่มากกว่า ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนคนไข้ที่เข้ามาเพื่อเพิ่มคุณภาพผิว ทำให้ผิวสวย ผิวฉ่ำ ชุ่มชื้น หรือผิวแข็งแรงกว่าเดิม เป็นความต้องการอย่างแรก และสัดส่วนคนไข้ที่ต้องการงานผิวมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างมากในช่วงปี 2022 จนถึงแรงสุดในปี 2023 นี้เลยครับ’ ‘ถ้าถามผมว่า ทำอย่างไรถึงมี Skin Texture Quality แบบผิวสวย ผิวสุขภาพดี? ในกลุ่มบริการที่ให้ผลลัพธ์เรื่องงานผิวมีค่อนข้างหลากหลายโปรแกรม เช่น โปรแกรมเมโสหน้าใส(Mesotheraphy), โปรแกรมโบท็อกซ์ กระชับรูขุมขน, ทรีตเมนต์ดูแลผิวพรรณ ผลักวิตามิน หรือ กลุ่มหัตถการเลเซอร์ผิวสวย ผิวใส ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ และรวมถึงตอนนี้เองก็มี ‘ฟิลเลอร์งานผิว’ ที่เน้นเรื่อง Texture ของผิวโดยเฉพาะอีกด้วยครับ” ‘โดยปกติคนไทยส่วนใหญ่จะรู้จักและคุ้นเคยกับฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม ในเรื่องของการปรับรูปหน้าและการแก้ไขปัญหาผิวหน้าเฉพาะจุด ซึ่งนอกจากคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว ที่ต่างประเทศมีการเลือกใช้ฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มในการดูแลผิวพรรณ เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวเรียบเนียนอย่างแพร่หลายมาก่อนหน้าประเทศไทย ซึ่งคาดว่ากระแสของประเทศไทยก็ไม่แพ้กันแน่นอนครับ’ คุณหมอแอร์ – แพทย์หญิงพิชญานิน สื่อมโนธรรม เสริมเพิ่มว่า ‘อย่างไรก็ตามเพื่อประสิทธิภาพการดูแลเรื่องงานผิวที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนไข้ ที่ Doctor Mek Clinic (ด็อกเตอร์เมฆคลินิก) เราให้บริการครบทุกกลุ่มหัตถการเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มหัตถการงานเข็ม เรามีตั้งแต่โปรแกรมฟิลเลอร์ ที่เป็นฟิลเลอร์เพื่องานผิวโดยเฉพาะ, โบท็อกซ์, เมโส (Mesotheraphy), Polyneucleotide (PN), Polydeoxyribonucleotide (PDRN), Personalised Cell Theraphy หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ PRP, …
กรุงศรี ฟินโนเวต จับมือร่วมกับ STeP เปิดตัวโครงการ ‘Krungsri UPcelerator’ บ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพไทย
สรุปโดยย่อ…. กรุงศรี ฟินโนเวต เปิดศูนย์บ่มเพาะเพื่อเฟ้นหาสตาร์ทอัพไทยร่วมโครงการมุ่งหวังปั้นสู่สตาร์ทอัพคุณภาพ เปิดตัว Krungsri UPcelerator อย่างเป็นทางการที่ภาคเหนือ ภายใต้คอนเซปต์ Accelerating the Sustainable Future พร้อมชวนสตาร์ทอัพจากทั่วประเทศไทยร่วมสมัคร ตั้งเป้ามีสตาร์ทอัพเข้าเสนอผลงานในโครงการ Krungsri UPcelerator ไม่น้อยกว่า 50 ทีม Krungsri UPcelerator เตรียมเงินรางวัลใหญ่สูงถึง 300,000 บาท พร้อมพาไปดูงานที่ RISE ASIA WORLD EXPO และโอกาสสำคัญที่อาจจะได้ร่วมงานกับกรุงศรี ฟินโนเวต บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด หรือ Krungsri Finnovate บริษัทร่วมลงทุน (Corporate Venture Capital : CVC) ในเครือกรุงศรี ผู้ที่ต้องการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องด้านการธนาคารทั้งในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เติบโตไปยังเป้าหมายที่วางไว้ผ่าน 3 พันธกิจหลัก ได้แก่ 1) การลงทุนเพื่อสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ๆ 2) โครงการบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพ 3)ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และการร่วมลงทุน โดยกรุงศรี ฟินโนเวต ได้จับมือร่วมกับ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือ STeP เปิดตัวโปรแกรม ‘Krungsri UPcelerator’ ภายใต้แนวคิด ‘Accelerating the Sustainable Future’ ในธีม ‘โชว์เหนือ’ พร้อมจัดงาน ‘Krungsri UPcelerator OPEN HOUSE DAY’ ต้อนรับผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพ เพื่อเข้าร่วมงานเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการ ณ ห้อง The Brick อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) โดยได้รับเกียรติจาก คุณแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ กรุงศรี ฟินโนเวต และ ผศ.ดร.เกษมศักดิ์ อุทัยชนะ รองผู้อำนวยการ STeP เป็นประธานเปิดงาน คุณแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า ‘Krungsri UPcelerator’ เป็นโครงการที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพทั้งในพื้นที่ภาคเหนือและผู้ที่สนใจทั่วประเทศไทยได้ยื่นใบสมัครนำเสนอ Product ที่น่าสนใจตามข้อกำหนดของโครงการส่งมาเข้าร่วมนำเสนอ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ประกอบการ และสตาร์ทอัพ และช่วยขยายโอกาสผ่านการให้ทุนสนับสนุน และถ่ายทอดความรู้จากผู้เชี่ยวชาญทั้งในด้าน Business, Product ,Marketing และ Fund Raising คุณแซม เผยต่อว่า “ในปี 66 นี้หนึ่งในภารกิจสำคัญของเราได้แก่ การบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งการเป็นสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพเพื่อนำไปสู่ต้นกล้าที่แข็งแรง เราจึงกำหนดเปิดตัวโครงการที่มีชื่อว่า Krungsri UPcelerator โดยเราจะโฟกัสกลุ่มธุรกิจที่คำนึงถึง ESG เป็นหลัก โดยจะเน้นธุรกิจที่สอดคล้องกับการส่งเสริมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมด้าน Smart City, ESG Tech, AI Robotics, …
ดีป้า จับมือเครือข่ายพันธมิตร ยกระดับ ZTRUS สู่ Pre-Series A เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีให้บริการผู้ประกอบการไทยสู่ดิจิทัลโดยสมบูรณ์
ดีป้า ร่วมกับ กลุ่มบริษัท วินเซิร์ฟ คอร์ปอเรชั่น และ อินโนสเปซ (ประเทศไทย) ประกาศร่วมลงทุนใน ZTRUS ดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทยสู่ระดับ Pre-Series A เดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลในการให้บริการและอำนวยความสะดวกกระบวนการทำงานและงานเอกสารแก่ผู้ประกอบการไทยให้ก้าวไปสู่ยุคดิจิทัลโดยสมบูรณ์ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า การส่งเสริมดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่มีศักยภาพให้สามารถยกระดับประสิทธิภาพของตนเอง ต่อยอดธุรกิจ และเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่ ดีป้า ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาและเตรียมความพร้อมดิจิทัลสตาร์ทอัพในทุกระยะการเติบโต ก่อนมุ่งสู่ระดับสากล พร้อมให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์เชิงธุรกิจและสังคม รวมถึงพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ภายใต้มาตรการส่งเสริมต่าง ๆ ของ ดีป้า เพื่อเร่งขับเคลื่อนดิจิทัลสตาร์ทอัพกลุ่มนี้อย่างตรงจุด ด้วยเหตุผลดังกล่าว ดีป้า พร้อมด้วย กลุ่มบริษัท วินเซิร์ฟ คอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านเทคโนโลยีแบบครบวงจรของประเทศไทย ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และ บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด (InnoSpace Thailand) บริษัทเงินร่วมลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนจึงได้เข้าลงทุนใน บริษัท แอ็คโคแมท จำกัด (ZTRUS) ดิจิทัลสตาร์ทอัพที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงมาให้บริการแปลงข้อมูลสู่ดิจิทัล เพื่อผลักดันสู่ระดับ Pre-Serie A ผ่านมาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนเพื่อการเริ่มต้นธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล (depa Digital Startup Fund) “ZTRUS คือหนึ่งในดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่ ดีป้า ให้การส่งเสริม โดยเราเล็งเห็นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ซึ่ง ZTRUS นับเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านกระบวนการทำงานและงานเอกสารของผู้ประกอบการไทยให้ก้าวไปสู่ยุคดิจิทัลโดยสมบูรณ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจ ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง ดีป้า กลุ่มบริษัท วินเซิร์ฟ คอร์ปอเรชั่น และ อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้ ZTRUS สามารถยกระดับเทคโนโลยีของตนเอง เพื่อพัฒนาโซลูชันในการให้บริการ ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นในระยะถัดไป” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว ขณะที่ นายพณชิต กิตติปัญญางาม CEO/Co-founder ZTRUS กล่าวว่า เทคโนโลยีของ ZTRUS ได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการตรวจสอบและนำเข้าเอกสาร โดยให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนการอ่านตรวจสอบ และการพึ่งพาทรัพยากรบุคคลในกระบวนงานบางส่วน ส่งผลให้เทคโนโลยีของของ ZTRUS มีความโดดเด่นและแตกต่างจากเทคโนโลยีอื่น อีกทั้งสามารถนำไปใช้ในกระบวนงานที่หลากหลาย โดยเฉพาะงานบัญชี อาทิ การอ่านเอกสารใบสั่งซื้อ (Purchase Order) จากอีเมลก่อนแปลงรายการสินค้าเพื่อนำไปเปิดใบสั่งขาย (Sale Order) ในระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) กระบวนการตรวจเอกสารเบิกจ่ายพนักงาน กระบวนจัดกลุ่มเอกสารใบส่งของตามรายชื่อลูกค้าและวันวางบิล รวมถึงกระทบยอดภาษีในเอกสารกระดาษกับข้อมูลในระบบ ERP เป็นต้น ในส่วนของเทคโนโลยีขั้นสูงที่ ZTRUS นำมาใช้บริการแปลงข้อมูลสู่ดิจิทัลไม่ใช่เพียงแค่ OCR (Optical Character Recognition) ทั่วไปเท่านั้น แต่รวมไปถึงเทคโนโลยีกระบวนการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล (Information Extraction) โดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ที่ช่วยแปลงและถอดข้อมูลผ่านการเรียนรู้ เลียนแบบความคิดมนุษย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ AI-OCR “สำหรับเงินทุนที่ได้รับจากการระดมทุนจะถูกนำมาใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่ออำนวยความสะดวกแก่พันธมิตรของบริษัทให้สามารถนำเทคโนโลยีของ ZTRUS ไปปรับแต่งและให้บริการในกระบวนการทำงานและงานเอกสารต่าง ๆ ได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ERP, DMS (Document Management System) และ ECMS (Electronic Management System) อีกทั้งสามารถขยายฐานลูกค้าสำนักงานบัญชี และผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ใช้ระบบบัญชีทั่วไป (Accounting Software) ได้อีกด้วย” CEO/Co-founder ZTRUS กล่าว …
หมอเมฆร่ำไห้ เปิดใจครั้งแรกหลังเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่ พร้อมยอมรับสูญเสียกว่า 50 ล้านกับวู้ดดี้
เป็นเหตุการณ์น่าสลดและเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศส่งท้ายปี 65 กับเหตุเพลิงโหมไหม้ที่คลินิกความงามชื่อดัง ‘Doctor Mek Clinic (ด๊อคเตอร์เมฆ คลินิก)’ และพื้นที่โดยรอบ ณ สเตเดียมวัน สร้างเป็นความสูญเสียและความเสียหายทางธุรกิจไม่น้อย โดยเจ้าของที่นี่คือหมอความงามที่ขึ้นชื่อและติดอับดับ 1 เรื่องฝีมือการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ ‘หมอเมฆ’ นายแพทย์วัชรพล ธนมิตรามณี ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้หมอเมฆได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อแบบเปิดใจครั้งแรกกับวูดดี้ พิธีกรชื่อดังมากความสามารถเจ้าของฉายา พิธีกร เรียกน้ำตาแขกรับเชิญในรายการ Woody FM Special หมอเมฆ เปิดใจกับวู้ดดี้ด้วยอาการที่ยังดูเศร้าโศกปนกับมีน้ำตาคลอ และซ้ำออกมาอยู่บ้างว่า ‘ผมและภรรยาแทบจะต้องเปิดไปนอนทุกคืนมันนอนไม่หลับเหมือนภาพเหตุการณ์ในวันนั้นมันยังไม่หายออกไปจากความรู้สึกและสายตา จากที่พึ่งตกแต่งใหม่อย่างสวยงามกลับกลายเป็นซากแห่งความทรงจำที่น่ากลัว บางคืนถึงขั้นจำต้องกินยานอนหลับเพื่อให้หลับสนิทขึ้น’ โดยหมอเมฆได้เล่าต่อว่า ‘ ความเสียหายมันรวมแล้ว 7 คูหา หลายคนอาจจะมองว่าก็เป็นแค่คลินิกธรรมดา แต่มูลค่าความเสียหาย มันมาจากอุปกรณ์ค่าตกแต่งเครื่องแต่ละตัวที่คลินิกผมใช้ตัวไฮเอนด์หมดเลย ผมเอาตัวท็อปของแต่ละรุ่นแต่ละการใช้ประโยชน์ ดังนั้นมูลค่ามันหลายล้านมันไม่ใช่แค่ตัวเดียว แต่ผมมีเป็น 10-20 ตัว แล้วไหนจะค่ายา ค่าฟิลเลอร์ และค่าเสียโอกาสทางธุรกิจของผมเพราะผมพึ่งแต่งใหม่ได้ 3 เดือนเอง’ จากนั้นพิธีกรดัง ‘วู้ดดี้’ ก็ถามต่อว่า ทำไมต้องลงทุนเยอะขนาดนั้น?? ซึ่งหมอเมฆได้เล่าให้ข้อมูลว่า ‘ผมต้องการให้ที่ทำงานของผมเป็นเหมือนแกลลอรี่ที่เป็นศิลปะของผม เอาจริงๆ มันคือบ้านของผมเลยนะครับ ผมใช้ชีวิตที่นี่มากกว่าอยู่บ้านอีก ผมมีความสุขที่ได้ทำงาน ที่ทำงานเหมือนออกซิเจนของผม การแต่งสถานที่ที่สวยงาม พอสถานที่มันสวยงาม ผมมีสมาธิ มีจิตนาการ ที่จะออกแบบหน้าคนไข้ได้ต่อ’ โดยหมอเมฆได้เปิดใจเพิ่มอีกว่า ‘คอมเมนต์ต่าง ๆ ในโซเชียล มันช่วยคนคนหนึ่งที่กำลังแย่ได้ หลายหมื่นคอมเมนต์ที่ส่งมาให้กำลังใจผม มันช่วยผมได้มากครับ มันทำให้สภาพจิตใจดีขึ้น จากเหตุการณ์นี้ให้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกับผม คือ จงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต ไม่มีอะไรอยู่กับเราถาวร ทุกสิ่งบนโลกนี้เปลี่ยนแปลงได้เสมอ ไม่มีใครโชคดีตลอดไป และไม่มีใครโชคร้ายตลอดไป’ ทั้งนี้สามารถติดตามดูบทสัมภาษณ์ทั้งหมดของหมอเมฆ กับการเปิดใจผ่าน Woody FM Special ได้ที่ https://youtu.be/2uKB-5Kbe3Y หรือ https://cnx.bz/adXp02 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาอาจารย์แพทย์และทีมแพทย์มากประสบการณ์ Facebook Fanpage: https://cnx.bz/ZZImRF Line: https://cnx.bz/mJhjK6 …
กรุงศรี ฟินโนเวต เดินหน้าสู่ Top CVC ปักธงเคียงข้างปั้นสตาร์ทอัพไทยสู่ยูนิคอร์นเพิ่ม!
จับมืออุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) เปิดตัวโปรแกรม Krungsri UPcelerator เพื่อซัปพอร์ตสตาร์ทอัพภาคเหนือ เตรียมวางแผนเปิดตัว Accelerator Program สำหรับ Pre series-A Startup วางแผนจัดตั้งกองทุนสตาร์ทอัพระดับ Pre series-A พร้อมตั้งเป้าลงทุนเพิ่มทั้งในกอง Finnoventure Fund และ Finnoverse Fund บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด หรือ Krungsri Finnovate บริษัทร่วมลงทุน (Corporate Venture Capital : CVC) ในเครือกรุงศรี ผู้ที่ต้องการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพด้านฟินเทคและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องด้านการธนาคารทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เติบโตไปยังเป้าหมายที่วางไว้ ผ่าน 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1.การลงทุนเพื่อสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ 2.โครงการบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพ 3.ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และการร่วมลงทุน วางกลยุทธ์ เดินหน้าเป็น CVC ที่พร้อมเคียงข้างสตาร์ทอัพไทย เพื่อปั้น ผลักดันสตาร์ทอัพคุณภาพขึ้นทำเนียบยูนิคอร์นให้ได้มากที่สุด ตามเป้าหมายใหญ่สร้างระบบนิเวศน์ของเศรษฐกิจไทยและภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มั่นคงอย่างยั่งยืน เตรียมเงินลงทุนสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยสูงถึง 1,350 ล้านบาท ทั้งนี้ แผนดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างศึกษาดำเนินการและต้องเป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด เปิดเผยว่า ‘การดำเนินธุรกิจในทุกภาคพื้นเศรษฐกิจนั้นต่างมุ่งเน้นไปที่การสร้าง การดำเนินงาน ไม่เพียงให้เติบโตแต่ต้องนำไปสู่ความยั่งยืนให้ได้นี่คือเป้าหมายสำคัญ กรุงศรี ฟินโนเวตเองก็เป็นหนึ่งในองค์กรที่พร้อมขับเคลื่อนและสนับสนุนในแนวคิดด้านนี้ ปีนี้ขับเคลื่อนภายใต้ 3 เป้าหมายสำคัญเพื่อปูทางไปสู่ความยั่งยืนได้แก่ (1) สร้างและซัปพอร์ตข้อมูลให้กับสตาร์ทอัพไทย ภาคธุรกิจ และนักเรียนนักศึกษา เพื่อให้ก้าวไปด้วย Data & Technology Driven (2) ขยายโอกาสในการพัฒนาโปรดักส์และการลงทุนโดยร่วมมือกับ Krungsri Innovation Center และ (3) สร้างแบรนด์ให้เป็น Top of Mind CVC ที่หนึ่งในใจสตาร์ทอัพ’ ในไตรมาสแรกนี้มุ่งเน้นไปที่การเปิดตัวโปรแกรมหลักล่าสุด ‘Krungsri UPcelerator’ ที่วางแผนจับมือร่วมกับ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) ภายใต้แนวคิด ‘Accelerating the Sustainable Future’ ในธีม ‘โชว์เหนือ’ ซึ่งกำหนดจัดงาน ‘Open house’ ขึ้นในวันที่ 18 มกราคม 2566 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) โดยได้รับเกียรติจาก นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด เป็นประธานเปิดงาน’ ‘Krungsri UPcelerator’ เป็นโปรแกรมที่จะเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพในพื้นที่ภาคเหนือได้ยื่นใบสมัครนำเสนอ Prototype หรือโปรดักส์ที่น่าสนใจมาเข้าร่วมโปรแกรม คาดหวังมีสตาร์ทอัพส่งใบสมัครไม่น้อยกว่า 50 ทีม โดยโปรแกรมนี้มีกำหนดรับสมัครถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 จากนั้นคณะกรรมการจะคัดเลือกให้เหลือ 12 ทีม เพื่อเข้าสู่ Bootcamp สุดเข้มข้นจากเหล่า Mentor ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในวงการสตาร์ทอัพมาหลายปี เช่น คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ CEO บริษัท ตลาด ดอท คอม กรุ๊ป จำกัด คุณรังสรรค์ พรมประสิทธิ์ CEO บริษัท …
ดีป้า ผุดทัวนาเมนต์อีสปอร์ตเพื่อเหล่าเกมเมอร์รุ่นเยาว์ ในกิจกรรม NATIONAL CHILDREN’S ESPORTS DAY ดวลมันส์..วันเด็ก
ดีป้า รุกจัดทัวนาเมนต์อีสปอร์ตเพื่อเหล่าเกมเมอร์รุ่นเยาว์ในกิจกรรม NATIONAL CHILDREN’S ESPORTS DAY ดวลมันส์..วันเด็ก หวังส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้ดิจิทัลคอนเทนต์อย่างสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจในการเลือกอาชีพใหม่แก่เด็กและเยาวชน พร้อมสร้างความตระหนักรู้แก่ภาคสังคมให้เห็นถึงบทบาทของอุตสาหกรรมเกมที่มีผลต่อภาคเศรษฐกิจและสังคม ทั้งในประเทศและระดับสากล ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมปลูกฝังองค์ความรู้และคุณประโยชน์ ก่อนนำไปสู่การประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์แก่เด็กและเยาวชนไทย ดีป้า จึงดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต ในชื่อ NATIONAL CHILDREN’SESPORTS DAY ดวลมันส์..วันเด็ก ชิงทุนการศึกษาและถ้วยรางวัลจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี “กิจกรรม NATIONAL CHILDREN’S ESPORTS DAY ดวลมันส์..วันเด็ก ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14มกราคมนี้ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้ดิจิทัลคอนเทนต์อย่างสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจในการเลือกอาชีพใหม่แก่เด็กและเยาวชนผ่าน ‘เกม’ ไม่ว่าจะเป็นเกมเมอร์ นักกีฬาอีสปอร์ต นักพากย์เกม และอาชีพอื่น ๆ ในแวดวง อีกทั้งสร้างความตระหนักรู้แก่ภาคสังคม โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมเกมที่มีผลต่อภาคเศรษฐกิจและสังคม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่ง ดีป้า เราถือเป็นหน่วยงานรัฐที่พร้อมให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเกม และมุ่งมั่นผลักดันให้เกิดการนำเกมมาใช้ประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่โอกาสของเด็กและเยาวชนไทย รวมไปถึงผู้ที่สนใจในอนาคต” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว ภายในกิจกรรมจะได้พบกับการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตด้วย Nintendo Switch Sports ใน 3 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กีฬาฟันดาบ (Chambara) ในรุ่นอายุไม่เกิน 10 ปี ทั้งประเภทชายและหญิง และกีฬาแบตมินตัน ในรุ่นอายุ 10-15 ปี ประเภทชายและหญิง ซึ่งผู้ชนะเลิศจะได้รับทุนการศึกษา พร้อมถ้วยรางวัลจาก นายกรัฐมนตรี ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก TESF ของสมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย (Thailand E-Sports Federation) และเว็บไซต์ https://tesf.or.th/tournament/childrenesportsday/ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต พร้อมร่วมสนุกกับเกมอื่น ๆ …
Piano & i จากรายการสู่อิเวนต์ ‘Showcase’ สุดประทับใจ
หลังจากที่ ‘จี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์’ ซีอีโอคนเก่งผู้มักจะคอยสร้างสรรค์และผลักดันความบันเทิงรูปแบบใหม่ๆ ป้อนให้กับคนไทยได้เสพในคอนเทนต์น้ำดี และอย่างที่เราทราบกันดีว่า เมื่อไม่นานมานี้ จี๊บ เทพอาจ ก็ได้ดึงตัวน้องร้องนักดนตรีมากความสามารถ ‘โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร’ มาร่วมทำธุรกิจสร้างความบันเทิงในหลากหลายรูปแบบและมิติใหม่ๆ ร่วมกันในชื่อ ‘TRUETONE’ ซึ่งรายการแรกอย่าง ‘Piano & i’ ที่เผยแพร่ในรูปแบบรายการออนไลน์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มทั้งเฟซบุ๊ก แฟนเพจ torsaksit และยูทูบแชนเนล TorBright Channel และอื่นๆ ที่มีผู้ติดตามรวมมากกว่า 2,000,000 Followers ก็ได้รับฟีดแบ็กการตอบรับจากคนดูรายการจำนวนมากอย่างครอบคลุมทุกเพศและทุกวัย ล่าสุด จี๊บ เทพอาจ และ โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เลยขอถือโอกาสดีช่วงเฟสทีฟในสิ้นปี 65 นี้ เปิดเป็น ‘PIANO & i SHOWCASE’ ขึ้นที่ร้าน HOBS ICON SIAM ในธีมพิเศษ ‘Christmas Under The Stars’ By STELLA ARTOIS ครั้งแรกที่รายการจัดให้โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ โชว์เปียโน พร้อมกับการร่วมร้องเพลงให้เข้ากับบรรยากาศในช่วงแห่งการสังสรรค์ร่วมกับศิลปินน้ำเสียงคุณภาพมากมาย ซึ่งแน่นอนว่า นำทัพโดย จี๊บ เทพอาจ ในชื่อ JEEP TK กับอีกหนึ่งบทบาทที่พ่วงมาในตำแหน่งศิลปินภายใต้สังกัด LOVEiS ENTERTAINMENT และ marrs ร่วมด้วย WAN WANWAN, FIRST ANUWAT, Q SURAVEE และ PURE THE VOICE เปิดโชว์ด้วยนักร้องสาวเสียงใส WAN WANWAN กับเพลงเพราะประทับใจ และโต๋เองก็สลับพูดคุยกับแขกที่จองโต๊ะมาร่วมรับประทานอาหารและชมโชว์เคสกันคับคั่ง จากนั้นค่อยๆ ไล่ฟีลของดนตรีให้สนุกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดค่ำคืน ตามมาด้วยศิลปินน้ำเสียงนุ่มลึก FIRST ANUWAT กับเพลงดัง …
ดีป้า มอบของขวัญปีใหม่เพื่อคนไทย ประกาศรับข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการส่งเสริม-สนับสนุน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ครั้งที่ 1/2566
ดีป้า ประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ครั้งที่ 1 ประจำปี 2566 ครอบคลุมคนไทยทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย และสอดคล้องไปกับภารกิจสำนักงานฯ ผ่าน 8 มาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนของ ดีป้า มากกว่า 140 โครงการ หวังเป็นของขวัญปีใหม่เพื่อคนไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยสู่ยุคดิจิทัลต่อเนื่อง คาดยกระดับความรู้และทักษะดิจิทัลแก่คนไทยได้มากกว่า 4,800 คน สร้างมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 8,000 ล้านบาท ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมองค์ความรู้และทักษะดิจิทัลแก่ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และนำไปสู่การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ให้บริการดิจิทัลสัญชาติไทย ดีป้า จึงประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ครั้งที่ 1 ประจำปี 2566 ผ่าน 8 มาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนของ ดีป้า มากกว่า 140 โครงการ “ทั้งนี้ โครงการต่าง ๆ จะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และสอดคล้องไปกับภารกิจของ ดีป้าไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษา วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) วิสาหกิจชุมชน ดิจิทัลสตาร์ทอัพ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป บุคลากรในกลุ่ม Mid-career ผู้สูงวัย รวมถึงผู้พิการ โดย ดีป้า หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการทั้งหมดจะเป็นของขวัญปีใหม่เพื่อคนไทย และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมประเมินว่าจะช่วยยกระดับความรู้และทักษะดิจิทัลแก่คนไทยทุกกลุ่มและทุกช่วงวัยได้มากกว่า 4,800 คน และสร้างมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจ ไม่น้อยกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งผู้สนใจขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนสามารถติดตามประกาศข้อเสนอโครงการฯ ในรอบที่ 1/2566 ได้ทางเว็บไซต์: www.depa.or.th/depafund, LINE OA: depaThailand และเพจเฟซบุ๊ก: depa Thailand” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว ดีป้า พร้อมทำงานเพื่ออนาคตของคนไทย และเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้อยู่ในระดับชั้นนำของโลก ตามวิสัยทัศน์ We work smart …